ตำรวจ-ฝ่ายปกครองขอนแก่น นำหมายค้นของศาลจังหวัดขอนแก่นเข้าตรวจสอบบ้านพักใน อ.เมือง หลัง ‘ชูวิทย์’ แฉเชื่อมโยงเครือข่าย ‘ตู้ห่าว’
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 ธันวาคม นายชาญชัย ศรศรีวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยนายศุภชัย ลีเขาสูง ปลัดจังหวัดขอนแก่น พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหมายค้นของศาลจังหวัดขอนแก่นเข้าทำการตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งใน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
หลังจาก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเปิดเผยว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นที่ตั้งของมูลนิธิปรานต์ฮั่นอวี่ สาขาขอนแก่น ที่อยู่ในขบวนการของกลุ่มที่ทำการเปลี่ยนแปลงวีซ่าให้กับกลุ่มจีนสีเทา และยังระบุว่ามีสมาชิกอยู่ในมูลนิธิ จำนวน 2,847 ราย
จากการนำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพบ นายอลงกรณ์ อายุ 41 ปี ชาว อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า เป็นเพียงผู้เช่าบ้านหลังกล่าว โดยเช่าอยู่อยู่อาศัยในปี 2562 ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมูลนิธิดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจค้น พร้อมซักถามผู้พักอาศัยบ้านหลังดังกล่าวเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง ก่อนจะสรุปในเบื้องต้นว่า ไม่พบความเกี่ยวข้องตามที่มีการถูกพาดพิงแต่อย่างใด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ชูวิทย์ แฉไม่ยั้ง 2 อดีตผู้การสตม.เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กโจ๊ก”เอี่ยวแปลงวีซ่าทุนจีนเทาทะลักเข้าไทย
- ‘ชูวิทย์’ แฉอีก 10 ตม. เปลี่ยนวีซ่าให้จีนเทาทั้งหมด 7,686 คน ขอนแก่นเยอะสุด 3,325 คน
นายอลงกรณ์กล่าวว่า เป็นเพียงผู้เช่าตามสัญญาเช่าเท่านั้น ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนบ้านที่แต่ก่อนเป็นบ้านร้างจนมีสภาพดีขึ้นตามที่เห็น เรื่องเกี่ยวกับมูลนิธิยืนยันและได้แสดงหลักฐานกับเจ้าหน้าที่ได้ทราบจนสิ้นสงสัยแล้วว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากเจ้าของบ้านจะใช้เลขที่บ้านไปจดแจ้งอย่างไรหรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบ
นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จากที่ปรากฏเป็นข่าวเกี่ยวกับแหล่งที่ตั้งของมูลนิธิปรานต์ฮั่นอวี่ นั้น จากการตรวจสอบพบว่ามีสาขาที่ตั้งอยู่ใหลายจังหวัด เช่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม กาฬสินธุ์ หนองบัวลำภู และขอนแก่น
ผู้ว่าฯขอนแก่นกล่าวว่า จากการตรวจสอบของ จ.ขอนแก่น ไม่พบว่ามูลนิธิดังกล่าวขออนุญาตจดแจ้งกับทางจังหวัด เมื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการขยายเวลาการอยู่ในราชอาณาจักรของแรงงานต่างชาติ นับตั้งแต่ปี 2561-2565 มีทั้งหมด 74 ราย รวม 12 มูลนิธิที่มีการจดแจ้ง ขณะที่คนสัญชาติจีนพบว่ามีเพียง 1 ราย ซึ่งทำงานอยู่ที่มูลนิธิธรรมอุทยานขอนแก่น