เมื่อเวลา 21.32 น. วันที่ 18 ก.พ. 2565 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในการประชุม
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปราย โดยระบุว่าไม่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะพาประเทศไปสู่ศตวรรษที่ 21 ได้ เพราะเป็นผู้นำที่มีมองมุมเดียวทำให้หลงทาง และไม่สามารถแก้ปัญหา พาประเทศไทยไปสู่อนาคตได้ ดังนั้นหากพล.อ.ประยุทธ์ เหมาะจะเป็นผู้นำในศตวรรษที่ 21 ได้ ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อตอนหาเสียงให้ได้ก่อน ทั้งเรื่องแรงงานขั้นต่ำ เบี้ยคนชรา เงินเดือนเด็กจบใหม่ จึงขอถามว่าเมื่อไหร่จะทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ เมื่อปี 2562 พร้อมถามเรื่องมาตรการด้านพลังงานในการดูแลประชาชนว่าจะมีมาตรการอย่างไร หากมีวิสัยทัศน์จริง ใน 2 ปีที่ผ่านมาคงไม่ใช้งบประมาณ 7.5 ล้านล้านบาท ไปซื้ออาวุธ ทั้งๆ ที่ในสภาวะปัจจุบันต้องเพิ่มอัตรากำลังของแพทย์ เพื่อมาต่อสู้กับโควิด-19 เนื่องจากหลายโรงพยาบาลยังขอบริจาค ส่วนแพทย์ในต่างจังหวัด อย่างบึงกาฬ และหนองบัวลำภู ต้องแบกรับการรักษาพยาบาลประชาชน กว่า 6 พันคน ต่อหมอ 1 คน ซึ่งถือเป็นความเหลื่อมล้ำทางสาธารณสุข
นอกจากนี้นายพิธา ยังสอบถามเรื่องการใช้ บล็อกเชน (blockchain) เทคโนโลยีด้านการจัดเก็บข้อมูลว่ารัฐบาลจะใช้อย่างไรในอนาคต ขณะเดียวกันยังเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามเรื่องการค้ามนุษย์ที่มีอยู่ในประเทศ และมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ตามคำให้การของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ซึ่งเชื่อจะเป็นคำถามที่ตรงใจกับคนทุกกลุ่ม จึงอยากจะฟังจากปากผู้นำของไทย แล้วให้ประชาชนตัดสิน ว่าสมควรที่จะเออร์ลีรีไทร์ ก่อนวันที่ 23 ส.ค. 2565 นี้หรือไม่ ก่อนที่จะครบการดำรงตำแหน่ง 8 ปี
ขณะเดียวกันนายพิธา ยังเสนอรัฐบาลต้องปิดเกมสู้โควิด-19 ให้ได้ โดยต้องเปลี่ยนจากเชิงรับมาเป็นเชิงรุก ด้วยการหาข้อมูลว่ามีคลัสเตอร์ที่ไหน ให้แจก ATK เพื่อลดค่าใช้จ่ายเฉพาะหน้า และต้องถึงเวลาที่ต้องฉีดวัคซีนเชิงรุก เพราะยังมีผู้สูงอายุกว่า 2 ล้านคนยังไม่ได้วัคซีน เนื่องจากเดินทางยากลำบาก พร้อมเสนอให้ใช้เทคโนโลยีตรวจโควิด ด้วยลมหายใจ เพราะจะทำให้โควิดทุเลาลง
นอกจากนี้ในเรื่องที่ 2 คือเรื่องรายจ่ายประชาชน โดยต้องเปลี่ยนดัชนีชี้วัดในการบริหารเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องเงินเฟ้อ และอัตราการว่างงาน ที่ถูกคิดมานานหลายร้อยปีแล้ว เพราะไม่ตอบโจทย์ เพราะเรื่องเงินเฟ้อ ต้องมีตะกร้าคนจนเมือง และคนจนต่างจังหวัด และเรื่องการว่างงาน ที่ต้องดูเรื่องที่หลุมรายได้เป็นหลัก ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องหนี้ ต้องมีหน่วยงานจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะจึงจะสามารถแก้ปัญหาได้
“สุดท้ายเรื่องรายได้ คำสั้นๆ คือเรื่องสุราก้าวหน้า โดยแก้เพียงบรรทัดเดียวคือรมว.พาณิชย์ช่วยส่งเสริม รมว.อุตสาหกรรมช่วยพัฒนาให้ดีขึ้น และรมว.วัฒนธรรมหาเรื่องราวเกี่ยวกับการดื่มเหล้า และ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ให้เรื่องกินดื่มเป็นเรื่องของวัฒนธรรมการท่องเที่ยว จะทำให้การท่องเที่ยวไทยรุกทั้งแผ่นดิน” นายพิธา กล่าว