‘กัลยา’ เผยระบบสาธารณูปโภคเกาะหลีเป๊ะยังไม่ดี เร่งยกระดับชีวิตคนเกาะ เรียกความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว ‘สยาม’ ชี้ทำท่อส่งน้ำ-ไฟ-ระบบสื่อสารจบทุกปัญหาคุ้มงบลงทุน แต่ต้องคุยทุกภาคส่วน-ทำประชาพิจารณ์ หวั่นกระทบธรรมชาติ
เมื่อวันที่ 5 เมษายน น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้สัมภาษณ์ว่า จากการลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล เพื่อศึกษาดูงานการให้บริการอินเตอร์เน็ตโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจากภาครัฐ รวมถึงสัญญาณเครือข่ายจากผู้ให้บริษัทผู้ให้สัญญาณภาคเอกชน นอกจากเรื่องปัญหาจากการที่เสาสัญญาณยังไม่เพียงพอแล้ว อีกปัญหาคือเรื่องของไฟฟ้า ที่ทางผู้ให้บริการแจ้งว่ามีปัญหาไฟฟ้าไม่เสถียร และไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้การส่งสัญญาณมีปัญหาในบางครั้ง นอกจากนี้จากการรับฟังผู้ใหญ่บ้าน ปัญหาของคนบนเกาะคือ ค่าไฟฟ้ามีราคาสูงมาก ตกหน่วยละ 25 บาท เพราะการผลิตกระแสไฟฟ้าที่นี่ทำได้ยาก ต้องพึ่งบริการของบริษัทเอกชน ไม่มีไฟฟ้าจากภาครัฐ ส่วนบางหน่วยงานต้องใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ช่วยเสริม แต่ก็ยังไม่เพียงพอโดยเฉพาะช่วงมรสุมที่ใช้แผงโซลาร์เซลล์ไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องปัญหาของน้ำกินน้ำใช้ที่ยังไม่เพียงพอและราคาแพงอีกด้วย
“แม้ที่ผ่านมาเกาะหลีเป๊ะจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะชาวบ้านในพื้นที่ยังมีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนเมืองกับคนเกาะ ซึ่งหากระบบต่างๆ สมบูรณ์จะช่วยเรียกความมั่นใจจากนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับประเทศได้อีกเยอะมาก รวมทั้งความเป็นอยู่ของคนบนเกาะโดยเฉพาะหน้ามรสุม” น.ส.กัลยากล่าว
ด้านนายสยาม หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธาน กมธ.ดีอีเอส กล่าวว่า เกาะหลีเป๊ะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทย ทำรายได้ปีหนึ่ง 5,000 กว่าล้านบาท แต่ระบบสาธารณูปโภคยังไม่ดี ไฟฟ้าและน้ำดื่มมีราคาแพง จริงๆ ทางแก้ปัญหาที่ทำได้คือ การทำท่อส่งไฟฟ้าจากแผ่นดินใหญ่มายังเกาะ ซึ่งนอกจากได้ท่อส่งไฟฟ้าแล้ว พวกระบบการสื่อสารต่างๆ ก็จะร้อยตามท่อมาพร้อมกันด้วย ซึ่งถือว่าแก้ปัญหาได้เกือบทั้งหมด ทั้งระบบไฟฟ้าและระบบการสื่อสาร เหมือนเกาะพีพี ส่วนเรื่องน้ำดื่มทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีเกาะใหญ่ข้างๆ ที่มีแหล่งน้ำจืดธรรมชาติ สามารถทำท่อส่งมายังเกาะได้ ซึ่งหากเทียบงบประมาณการดำเนินการกับรายได้ของเกาะถือว่าคุ้มค่ามากๆ แต่อาจจะติดปัญหาเรื่องผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเล ซึ่งจะต้องมีการสำรวจและทำประชาพิจารณ์กับชาวบ้าน รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานต่างๆ และเอ็นจีโอ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของที่ดินที่หลายคนไม่มีโฉนดครอบครอง ซึ่งทาง กมธ.คงต้องหารือพูดคุยกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง