ผมฟังข่าวอดีต ส.ส.ประกาศตัวเป็นพระศรีอาริย์ก็แค่นึกขำๆ บ้านนี้เมืองนี้เรื่องพรรค์นี้มีได้เสมอ
แต่พอเจอข่าวอดีตพระ (เขาว่าสึกก่อน) ตัดคอตัวเองด้วย กิโยตีน (โถ! ก็ช่างตั้งใจทำ) บูชาพระพุทธเจ้า ที่หนองบัวลำภู เข้าอีก
เรื่องทำนองนี้ เคยมีที่วัดอรุณฯ ดูเหมือนสมัยรัชกาลที่ 2 รูปปั้น นายนก ผู้เผาตัวตายถวายเป็นพุทธบูชา จำได้ว่ายังมีให้เห็น ผมจำได้ว่า รัชกาลที่ 4 ท่านทรงเหลืออดเหลือทน สั่งห้ามเด็ดขาด
เออ! ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ เรื่องโง่ๆบ้าๆในยุคสมัยที่การศึกษาก้าวหน้าขนาดนี้ ยังเกิดมีขึ้นได้
ผมรู้เรื่องพุทธศาสนา ระดับเด็กวัด รู้ข่าวนี้แล้วหมองใจเต็มที พยายามหาหนังสือธรรมะดีๆอ่านประคองใจ
หนังสือ 9 พุทธ 9 เต๋า 9 เซน (สำนักพิมพ์มติชน พ.ศ.2558) ชื่อ เสฐียรพงษ์ วรรณปก การันตีด้วยยี่ห้อราชบัณฑิต ใกล้มือ เปิดอ่าน ชุด 9 พุทธ เรื่องที่ 5 ผู้มีศีลฉันอย่างไร
พระสารีบุตรเข้าไปบิณฑบาตที่เมืองราชคฤห์ในเช้าวันหนึ่ง ได้อาหารพอแล้ว ก็นั่งฉัน
ปริพาชิกา ชื่อสุจิมุขี เข้าไปหาท่าน แล้วถาม “สมณะ ท่านก้มหน้าฉันหรือ?”
(อาจารย์เสฐียรพงษ์อธิบายไว้ท้ายเรื่องปริพาชิกา คือนักบวชนิกายหนึ่ง ซึ่งพระสารีบุตรคุ้นเคยมาก ได้ชื่อว่าเป็นนิกายนักโต้วาทีชั้นยอดแบบที่ฝรั่งเรียกโซฟิสต์)
“เรามิได้ก้มหน้าฉัน” พระเถระตอบ “ถ้าอย่างนั้น ท่านก็แหงนหน้าฉัน” ปริพาชิกายังตอแยต่อ
“เรามิได้แหงนหน้าฉัน” ปริพาชิกาถามต่อ “ถ้าอย่างนั้น ท่านก็มองดูทิศใหญ่ฉัน”
พระสารีบุตรตอบ “เรามิได้มองทิศใหญ่ฉัน” “ถ้าอย่างนั้น ท่านก็มองทิศน้อยฉัน”
“เรามิได้มองทิศน้อยฉัน”
พระเถระก็ยังปฏิเสธ “มิได้ฉัน” เหมือนเดิม
ปริพาชิกาทวนคำถาม “ท่านไม่ก้มหน้าฉัน ไม่แหงนหน้าฉัน ไม่มองทิศใหญ่ฉัน ไม่มองทิศน้อยฉัน ถ้าเช่นนั้น ท่านฉันด้วยอาการไหนเล่า?”
อ่านกันมาถึงตอนนี้ เราคงยังไม่รู้ว่า ปริพาชิกากับพระสารีบุตร อัครมหาสาวกผู้เลิศด้วยปัญญาของพระพุทธเจ้า แท้จริงถามตอบกัน ด้วยเรื่องอะไร
โปรดตั้งใจอ่านคำตอบของพระสารีบุตรต่อ
“สมณะพราหมณ์เหล่าใด เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพด้วยเดรัจฉานวิชา คือวิชาดูพื้นที่ สมณะพราหมณ์เหล่านั้น เรียกว่าก้มหน้าฉัน
สมณะพราหมณ์ที่เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชา คือดูดาวนักษัตร เรียกว่าแหงนหน้าฉัน
สมณะพราหมณ์เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชา รับเป็นผู้ส่งข่าวสารให้คฤหัสถ์ เรียกว่ามองดูทิศใหญ่ฉัน
สมณะพราหมณ์ที่เลี้ยงชีพด้วยเดรัจฉานวิชา รับทำนายอวัยวะน้อยใหญ่ (ดูโหงวเฮ้ง) เรียกว่ามองดูทิศน้อยฉัน
แต่เรา สารีบุตรมิได้เลี้ยงชีพด้วยวิชาเหล่านี้ แสวงหาอาหารด้วยการบิณฑบาตโดยชอบธรรม จึงไม่ได้ฉันด้วยอาการที่เธอว่า”
ปริศนาที่ปริพาชิกากับพระสารีบุตรปริพาชกรุ่นเดอะ โต้ตอบกันด้วยปฏิภาณ ฉับไวทันใจ เช่นนี้
ผมอ่านจบจึงเข้าใจ พุทธศาสนาเมืองไทย มีพระอาชีพ เดรัจฉานวิชามากมาย เรื่องโง่ๆบ้าๆ แบบพระศรีอาริย์มาเกิด หรือเรื่องพระตัดคอบูชาพระพุทธเจ้า จึงเกิดขึ้นแล้วเกิดขึ้นอีก.
กิเลน ประลองเชิง